วิธีการวิ่งของผมส่วนใหญ่เป็นการวิ่งในสวนสาธารณะที่ไม่ต้องหลบสิ่งกีดขวางมาก และไม่ต้องคอยระวังรถยนต์ ใช้วิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าใน fitness ใช้ฟัง podcast เป็นหลัก และใช้ ดูวิดีโอ และฟังเพลงบางโอกาส จึงชอบใช้หูฟังแบบ in-ear เนื่องจากสามารถตัดเสียงรบกวน (noise isolation) ได้ดี ขนาดเล็ก พกพาง่าย
มาเริ่มด้วยตัวแรกกันเลย
TDK EB800
หลังจากไปเดินเลือก และทดลองฟัง ก็ได้ เจ้า TDK EB800 มาใช้ เป็นหูฟัง in-ear แบบธรรมดา ไม่ใช่หูฟังออกกำลังกาย ด้วยราคาไม่แพง รู้สึกจะ 199 บาทจากพารากอนการใช้งานช่วงแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เสียงดี ตัดเสียงรบกวน ใส่วิ่งได้โดยไม่เลื่อนหลุด แต่จะมีอาการเมื่อยแก้วหูบ้าง หากใส่ฟังต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ
หลังจากใช้ไปประมาณ 6 เดือน ก็มีเหตุการณ์เหงื่อเข้าไปในหูฟัง ทำให้เสียงเบาไปข้างหนึ่ง ลองปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง ก็ไม่ดีขึ้น ไป claim มา 1 รอบ จนกระทั่งเกิดปัญหาแบบเดิมอีกครั้ง คราวนี้หมดประกัน เป็นอันปลดระวาง
Creative EP-630
ตัวที่ 2 Creative EP-630 ได้มา 3 ตัว จากงาน warehouse sale ในราคาถูกสุด ๆ review รุ่นนี้ของต่างประเทศค่อนข้างดี จากการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน พบว่ามันทนมาก แม้สายจะโดนเกี่ยวจนหลุด หรือเหงื่อเข้า ก็ไม่เคยมีอาการผิดปกติเลย ด้านคุณภาพเสียง รู้สึกว่าเสียงแหลมมีแตกบ้าง เบสไม่หนักเท่าไหร่ noise isolation ทำได้ดี หูฟังมีน้ำหนักเบา ไม่เลื่อนหลุดง่าย ใช้ร่วมกับ ear loop ทำให้กระชับมากขึ้น
สรุปว่า คุณภาพเสียง ok ประทับใจในความทนทาน พึ่งพาได้เสมอ สถานะปัจจุบัน:เป็นคู่สำรอง ในหุกสถานการณ์
Avantree Sacool
ตัวที่ 3 Avantree Sacool ลองหามาใช้ในช่วงหน้าฝน เพื่อเอามาใช้กับ Sony Xperia Active ที่กันน้ำได้ (ต้องปิดจุก jack 3.5 mm) จึงมองหาหูฟัง bluetooth ที่กันน้ำ (water resistant) ซึ่งน่าจะลดปัญหาหูฟังเสียจากการเปียกน้ำ และเหงื่อ ตัดกังวลเรื่องใช้งานกลางฝน สั่งมาจากเว็บ e-commerce บริการส่งถึงบ้านอย่างไว จากการใช้งานพบว่าคุณภาพเสียง และ noise isolation พอใช้ได้ ใช้ประจำอยู่เกือบปี จนกระทั่งปุ่มยางเปิดปิด และปรับเสียง เริ่มมีอาการยุบ ฉีกขาด ไมค์ไม่ดัง หมดประกัน 1 ปีพอดี จึงเลิกใช้
จุกยางปิดช่องเสียบชาร์จหลังใช้งาน 1 ปี |
อ่าน review ของต่างประเทศ มีคนบอกว่า Worked well until it fell apart แสดงว่าเบื้องบนคงกำหนดมาให้มันมีอายุขัยที่ประมาณ 1 ปี กับอีกไม่กี่เดือนแค่นั้น
Jabra Clipper
ตัวที่ 4 Bluetooth Jabra Clipper หลังจากผิดหวังกับ Avantree SaCool ก็เลยลองหา bluetooth ที่เหมาะกับกิจกรรม จนเจอคำโฆษณาเรื่องความทนทาน military grade และ water resistant สามารถต่อหูฟัง 3.5 mm ตัวอื่นได้ จึงตัดสินใจซื้อมาใช้ พบว่าตัว bluetooth ถ่ายทอดคุณภาพเสียงออกมาได้ดี รูปทรงแข็งแรงทนทาน ตัวหนีบแน่นหนาหลังใช้งานได้ 9 เดือน มีอาการเสียงออกข้างเดียวซะงั้น อยู่ในประกัน claim กับ RTB ได้เรียบร้อย ได้เปลี่ยนตัวใหม่เป็น Jabra Play ขอขอบคุณ RTB Technology ที่บริการให้เป็นอย่างดี
ReMax RM S1
ตัวที่ 5 ReMax RM S1 ขึ้นชื่อว่าเป็น sport design มีพลาสติกถ่วงน้ำหนักหลังหู, ออกแบบเป็น ear loop กันเลื่อนหลุด สายหุ้ม และหัว jack ดูแข็งแรงทนทาน คุณภาพเสียงดีหลังใช้งาน 3 เดือน ตราที่หูฟังหลุดหายไป คาดว่าเป็นจากการโดนเหงื่อ มีรอยถลอกที่ jack จากการใส่ในกระเป๋า เคยเจอเสียงวี้ดเวลาเสียบกับโทรศัพท์ไว้นาน ๆ สุดท้ายไมค์ดับ claim ไม่ได้ เนื่องจากสภาพสมบุกสมบันเกิน
ตราหลุดหายไปข้างนึง |
แม้ว่าไมค์จะไม่ดัง แต่ก็ยังสามารถใช้ฟัง podcast ต่อได้ และใช้กับ Jabra Clipper (และ Jabra Play ในเวลาต่อมา) เคยมีเหตุการณ์เหงื่อเข้าแล้วเสียงเบา แต่ผึ่งทิ้งไว้ 1 วันก็กลับมาใช้งานได้ปกติ ถือเป็นหูฟังสำหรับออกกำลังกาย ที่เสียงดี และทนทานคู่หนึ่ง
ชุดใช้งานปัจจุบัน ประกอบร่างกับ Jabra Play |
ReMax RM S2
ตัวที่ 6 ReMax RM S2 Bluetooth เป็น sport design เช่นเดียวกัน รูปร่างหน้าตาน่าใช้ คุณภาพเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตัดเสียงรบกวนได้ไม่หมด ตอนนี้เกิดอาการเปิดไม่ติด เป็นมา 2 ครั้งแล้ว จากการสังเกต เป็นหลังจากการออกกำลังที่เหงื่อออกมาก จึงสงสัยว่าเป็นจากเหงื่อเข้า แต่เขาโฆษณาว่าเป็น sport design นะข้อสรุปที่ได้: หูฟัง sport design อาจจะไม่เหมาะสำหรับการออกกำลังเสมอไป
Jabra Play
ตัวที่ 7 Bluetooth Jabra Play ได้มาจากการ claim Jabra Clipper เป็นรุ่นที่ออกมาหลัง Clipper ตัวถังลดความแข็งแรงจากโลหะมาเป็นเป็นพลาสติก มีจุกยากปิดที่ช่องเสียบชาร์จไฟ น่าจะกันความชื้นได้นิดหน่อย ใช้เทคโนโลยี Bluetooth 3.0ความรู้สึกเมื่อแรกเริ่มใช้งาน สามารถ pair และ connect ได้รวดเร็ว คุณภาพเสียงมาค่อนข้างครบ เบสลดลงนิดหน่อยเทียบกับการเสียบหูฟังตรงกับโทรศัพท์ ตอนนี้ประกอบเข้าคู่กับ ReMax RM S1 ใช้ใส่วิ่งในสวนก็ได้ ใช้ดูหนังระหว่างวิ่งบนลู่ไฟฟ้าก็ดี รูปแบบการใช้งานเป็นที่น่าพอใจในปัจจุบัน
แต่ใช้งานมาได้ 3 เดือน ยางบาง ๆ ที่ครอบช่องเสียบชาร์จขาดไป 1 ข้าง จาก 2 ข้างซะแล้ว
สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการใช้หูฟังราคาประหยัดในการออกกำลัง
- ไม่ใช่หูฟังทุกคู่ที่ใส่ออกกำลังได้เสมอไป ปัญหาสำคัญคือการไม่ทนความชื้น และเหงื่อ
- หูฟังที่โฆษณาว่า sport design อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับออกกำลังกายเสมอไป
- สินค้าบางชิ้น ทำออกมาให้มีอายุการใช้งานเท่ากับระยะประกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่มันจะได้ review ที่เป็นด้านบวก
- หูฟัง bluetooth ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ phablet ที่หยิบลำบาก ส่วน bluetooth รุ่นที่เปลี่ยนหูฟังได้ ถือว่าตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องความคล่องตัวและคุณภาพเสียง แต่ปัญหาความเกะกะของสายจะยังมีอยู่ เมื่อเทียบกับหูฟังที่มี bluetooth ในตัว
ต่อไปจะลองหาหูฟังออกกำลังที่มียี่ห้อราคาแพงขึ้น ที่น่าจะทนความสมบุกสมบันมาลองบ้าง แต่ยังหาตัวที่ถูกใจทั้งหน้าตา และเสียงไม่ได้ จึงยังไม่ลงทุน