Saturday, January 02, 2016

ประสบการณ์ใช้หูฟังสำหรับวิ่งออกกำลัง

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีเวลาได้ออกกำลังกายบ้าง ประกอบกับติด podcast หลายรายการ จึงถือโอกาสใช้เวลาช่วงที่วิ่ง ฟัง podcast ที่ download ไว้ในโทรศัพท์ไปด้วย จากการใช้งานระหว่างวิ่งออกกำลังกลางแจ้ง และมีเหงื่อ หูฟังที่ใช้จึงมีอันเป็นไปในแบบต่าง ๆ กัน ก็เลยยิ่งไม่กล้าลงทุนซื้อหูฟังราคาแพงมาใช้งาน จึงมีโอกาสได้ใช้หูฟังหลายชนิด ที่ราคาไม่เกิน 1,000 บาท จึงขอถือโอกาสนำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังกันครับ

วิธีการวิ่งของผมส่วนใหญ่เป็นการวิ่งในสวนสาธารณะที่ไม่ต้องหลบสิ่งกีดขวางมาก และไม่ต้องคอยระวังรถยนต์ ใช้วิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าใน fitness ใช้ฟัง podcast เป็นหลัก และใช้ ดูวิดีโอ และฟังเพลงบางโอกาส จึงชอบใช้หูฟังแบบ in-ear เนื่องจากสามารถตัดเสียงรบกวน (noise isolation) ได้ดี ขนาดเล็ก พกพาง่าย

มาเริ่มด้วยตัวแรกกันเลย

TDK EB800

หลังจากไปเดินเลือก และทดลองฟัง ก็ได้ เจ้า TDK EB800 มาใช้ เป็นหูฟัง in-ear แบบธรรมดา ไม่ใช่หูฟังออกกำลังกาย ด้วยราคาไม่แพง รู้สึกจะ 199 บาทจากพารากอน

การใช้งานช่วงแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เสียงดี ตัดเสียงรบกวน ใส่วิ่งได้โดยไม่เลื่อนหลุด แต่จะมีอาการเมื่อยแก้วหูบ้าง หากใส่ฟังต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ

หลังจากใช้ไปประมาณ 6 เดือน ก็มีเหตุการณ์เหงื่อเข้าไปในหูฟัง ทำให้เสียงเบาไปข้างหนึ่ง ลองปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง ก็ไม่ดีขึ้น ไป claim มา 1 รอบ จนกระทั่งเกิดปัญหาแบบเดิมอีกครั้ง คราวนี้หมดประกัน เป็นอันปลดระวาง

Creative EP-630


ตัวที่ 2 Creative EP-630 ได้มา 3 ตัว จากงาน warehouse sale ในราคาถูกสุด ๆ review รุ่นนี้ของต่างประเทศค่อนข้างดี จากการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน พบว่ามันทนมาก แม้สายจะโดนเกี่ยวจนหลุด หรือเหงื่อเข้า ก็ไม่เคยมีอาการผิดปกติเลย ด้านคุณภาพเสียง รู้สึกว่าเสียงแหลมมีแตกบ้าง เบสไม่หนักเท่าไหร่ noise isolation ทำได้ดี หูฟังมีน้ำหนักเบา ไม่เลื่อนหลุดง่าย ใช้ร่วมกับ ear loop ทำให้กระชับมากขึ้น

สรุปว่า คุณภาพเสียง ok ประทับใจในความทนทาน พึ่งพาได้เสมอ สถานะปัจจุบัน:เป็นคู่สำรอง ในหุกสถานการณ์

Avantree Sacool


ตัวที่ 3 Avantree Sacool ลองหามาใช้ในช่วงหน้าฝน เพื่อเอามาใช้กับ Sony Xperia Active ที่กันน้ำได้ (ต้องปิดจุก jack 3.5 mm) จึงมองหาหูฟัง bluetooth ที่กันน้ำ (water resistant) ซึ่งน่าจะลดปัญหาหูฟังเสียจากการเปียกน้ำ และเหงื่อ ตัดกังวลเรื่องใช้งานกลางฝน สั่งมาจากเว็บ e-commerce บริการส่งถึงบ้านอย่างไว จากการใช้งานพบว่าคุณภาพเสียง และ noise isolation พอใช้ได้ ใช้ประจำอยู่เกือบปี จนกระทั่งปุ่มยางเปิดปิด และปรับเสียง เริ่มมีอาการยุบ ฉีกขาด ไมค์ไม่ดัง หมดประกัน 1 ปีพอดี จึงเลิกใช้
จุกยางปิดช่องเสียบชาร์จหลังใช้งาน 1 ปี

อ่าน review ของต่างประเทศ มีคนบอกว่า Worked well until it fell apart แสดงว่าเบื้องบนคงกำหนดมาให้มันมีอายุขัยที่ประมาณ 1 ปี กับอีกไม่กี่เดือนแค่นั้น

Jabra Clipper

ตัวที่ 4 Bluetooth Jabra Clipper หลังจากผิดหวังกับ Avantree SaCool ก็เลยลองหา bluetooth ที่เหมาะกับกิจกรรม จนเจอคำโฆษณาเรื่องความทนทาน military grade และ water resistant สามารถต่อหูฟัง 3.5 mm ตัวอื่นได้ จึงตัดสินใจซื้อมาใช้ พบว่าตัว bluetooth ถ่ายทอดคุณภาพเสียงออกมาได้ดี รูปทรงแข็งแรงทนทาน ตัวหนีบแน่นหนา


หลังใช้งานได้ 9 เดือน มีอาการเสียงออกข้างเดียวซะงั้น อยู่ในประกัน claim กับ RTB ได้เรียบร้อย  ได้เปลี่ยนตัวใหม่เป็น Jabra Play ขอขอบคุณ RTB Technology ที่บริการให้เป็นอย่างดี

ReMax RM S1

ตัวที่ 5 ReMax RM S1 ขึ้นชื่อว่าเป็น sport design มีพลาสติกถ่วงน้ำหนักหลังหู, ออกแบบเป็น ear loop กันเลื่อนหลุด สายหุ้ม และหัว jack ดูแข็งแรงทนทาน คุณภาพเสียงดี

หลังใช้งาน 3 เดือน ตราที่หูฟังหลุดหายไป คาดว่าเป็นจากการโดนเหงื่อ มีรอยถลอกที่ jack จากการใส่ในกระเป๋า เคยเจอเสียงวี้ดเวลาเสียบกับโทรศัพท์ไว้นาน ๆ สุดท้ายไมค์ดับ claim ไม่ได้ เนื่องจากสภาพสมบุกสมบันเกิน
ตราหลุดหายไปข้างนึง

แม้ว่าไมค์จะไม่ดัง แต่ก็ยังสามารถใช้ฟัง podcast ต่อได้ และใช้กับ Jabra Clipper (และ Jabra Play ในเวลาต่อมา) เคยมีเหตุการณ์เหงื่อเข้าแล้วเสียงเบา แต่ผึ่งทิ้งไว้ 1 วันก็กลับมาใช้งานได้ปกติ ถือเป็นหูฟังสำหรับออกกำลังกาย ที่เสียงดี และทนทานคู่หนึ่ง
ชุดใช้งานปัจจุบัน ประกอบร่างกับ Jabra Play

ReMax RM S2

ตัวที่ 6 ReMax RM S2 Bluetooth เป็น sport design เช่นเดียวกัน รูปร่างหน้าตาน่าใช้ คุณภาพเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตัดเสียงรบกวนได้ไม่หมด ตอนนี้เกิดอาการเปิดไม่ติด เป็นมา 2 ครั้งแล้ว จากการสังเกต เป็นหลังจากการออกกำลังที่เหงื่อออกมาก จึงสงสัยว่าเป็นจากเหงื่อเข้า แต่เขาโฆษณาว่าเป็น sport design นะ

ข้อสรุปที่ได้: หูฟัง sport design อาจจะไม่เหมาะสำหรับการออกกำลังเสมอไป

Jabra Play

ตัวที่ 7 Bluetooth Jabra Play ได้มาจากการ claim Jabra Clipper เป็นรุ่นที่ออกมาหลัง Clipper ตัวถังลดความแข็งแรงจากโลหะมาเป็นเป็นพลาสติก มีจุกยากปิดที่ช่องเสียบชาร์จไฟ น่าจะกันความชื้นได้นิดหน่อย ใช้เทคโนโลยี Bluetooth 3.0

ความรู้สึกเมื่อแรกเริ่มใช้งาน สามารถ pair และ connect ได้รวดเร็ว คุณภาพเสียงมาค่อนข้างครบ เบสลดลงนิดหน่อยเทียบกับการเสียบหูฟังตรงกับโทรศัพท์ ตอนนี้ประกอบเข้าคู่กับ ReMax RM S1 ใช้ใส่วิ่งในสวนก็ได้ ใช้ดูหนังระหว่างวิ่งบนลู่ไฟฟ้าก็ดี รูปแบบการใช้งานเป็นที่น่าพอใจในปัจจุบัน

แต่ใช้งานมาได้ 3 เดือน ยางบาง ๆ ที่ครอบช่องเสียบชาร์จขาดไป 1 ข้าง จาก 2 ข้างซะแล้ว


สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการใช้หูฟังราคาประหยัดในการออกกำลัง

  1. ไม่ใช่หูฟังทุกคู่ที่ใส่ออกกำลังได้เสมอไป ปัญหาสำคัญคือการไม่ทนความชื้น และเหงื่อ
  2. หูฟังที่โฆษณาว่า sport design อาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับออกกำลังกายเสมอไป
  3. สินค้าบางชิ้น ทำออกมาให้มีอายุการใช้งานเท่ากับระยะประกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่มันจะได้ review ที่เป็นด้านบวก 
  4. หูฟัง bluetooth ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ phablet ที่หยิบลำบาก ส่วน bluetooth รุ่นที่เปลี่ยนหูฟังได้ ถือว่าตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องความคล่องตัวและคุณภาพเสียง แต่ปัญหาความเกะกะของสายจะยังมีอยู่ เมื่อเทียบกับหูฟังที่มี bluetooth ในตัว
ต่อไปจะลองหาหูฟังออกกำลังที่มียี่ห้อราคาแพงขึ้น ที่น่าจะทนความสมบุกสมบันมาลองบ้าง แต่ยังหาตัวที่ถูกใจทั้งหน้าตา และเสียงไม่ได้ จึงยังไม่ลงทุน

No comments: