Showing posts with label DRM. Show all posts
Showing posts with label DRM. Show all posts

Sunday, September 12, 2010

ว่าด้วยการซื้อ eBook (2): ความพยายามซื้อ ebook กับด่านที่ต้องฝ่า

เนื่องจากสิทธิ์ในการจัดจำหน่าย ebook ถูกเหมารวมไปกับหนังสือปกติ ที่ถูกแบ่งตามภูมิภาคต่าง ๆ (Territorial rights) เมื่อกฎนี้ถูกบังคับใช้ บรรดาเวบไซต์ขาย ebook ต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องจัดตั้งกำแพง เพื่อป้องกันการขาย ebook ให้กับคนอ่านที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีสิทธิ์ขาย (รายละเอียดใน ว่าด้วยการซื้อ eBook (1))

ถ้าหากคนอ่านที่อยู่นอกพื้นที่ แล้วอยากจะซื้อจะต้องฝ่าด่านอะไรบ้าง ลองมาสำรวจวิธีการที่ผู้ขายใช้ในการตรวจสอบกัน
  1. ที่อยู่ (shipping address / billing address)

    เมื่อมีการลงทะเบียนเข้าใช้งานเวบไซต์ หรือตอนที่กำลังจะจ่ายเงิน ผู้ใช้จะต้องมีการบันทึกที่อยู่ที่ใช้สำหรับส่งของ(ไม่ได้ใช้จริง) เอาไว้ แล้วทางคนขายจะตรวจสอบกับ Territorial rights ของหนังสือเล่มนั้น ๆ ว่าขายให้ได้หรือเปล่า
    การฝ่าด่านขั้นตอนนี้ไม่ยากเท่าไหร่ เพียงแค่ขอยืมที่อยู่ของใครสักคน หรือถ้าไม่รู้จักใครในอเมริกาเลย ก็ search จาก Google Maps มาใส่ก็แล้วกัน
  2. หมายเลขบัตรเครดิต

    เวบไซต์คนขายหลาย ๆ แห่งจะตรวจสอบรหัส 16 หลักของบัตรเครดิตซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าบัตรเครดิตใบนี้ถูกออกในอเมริกาหรือไม่ ก่อนอนุญาตให้ซื้อ นอกจากนี้ระบบจัดการลิขสิทธิ์ (DRM) ของคนขายแต่ละแห่งที่ทำให้เราอ่าน ebook ได้เฉพาะบนเครื่อง หรือโปรแกรมที่ลงทะเบียนเท่านั้น ทำให้เพียงการ"ฝากคนอื่นซื้อให้"ไม่สามารถทำได้
    โอกาสที่เราจะได้หมายเลขบัตรเครดิตในอเมริกาคงไม่ง่าย แต่ก็มีวิธีอ้อม ๆ เท่าที่นึกออก


    • บริการออกบัตรเดบิตในอเมริกา แล้วให้เราจ่ายเงินจากบัตรเครดิตของเราเข้าไปฝากไว้ก่อน ข้อดีของวิธีนี้ก็คือ เราจะได้ billing address ที่อยู่ในอเมริกามาด้วย ทำให้ตัดปัญหาที่อยู่ในข้อแรกไปได้ (แต่ชั่งใจเรื่องความเสี่ยงกันเอาเอง)
    • ใช้ PayPal สะดวก และเชื่อถือได้ แต่ใช้ได้เฉพาะบางร้านเท่านั้น
    • ฝากซื้อคูปองหรือ gift card ของเวบไซต์นั้น ๆ ที่อาจได้มาจากการฝากซื้อ (บางแห่งก็ตามไปตรวจสอบวิธีการซื้อคูปองอีก เอาเข้าไป) เท่าที่เห็นเวบไซต์ชุมชนนักอ่านบางแห่ง ใช้วิธีโอนเงินทาง PayPal ไปให้คนในพื้นที่ซื้อ แล้วส่งมาให้ (ขึ้นอยู่กับระดับความไว้ใจ) ข้อดีของวิธีนี้ก็คือ เราจะได้เครดิตในการซื้อหนังสือจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องมีบัตรเครดิตของอเมริกา
  3. IP address
    ด่านนี้จะว่าผ่านยากที่สุดก็ได้ และในตอนนี้เวบไซต์คนขายแทบทุกแห่งมีการตรวจสอบ IP address ว่าเราอยู่ที่ไหน วิธีการฝ่าด่านจึงเป็นการให้ได้มาซึ่ง IP address ของอเมริกา และส่งมันไปปรากฏบนระบบตรวจสอบของเวบคนขาย การซื้อบริการ VPN ทางเป็นออกทางหนึ่ง แต่มันก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอีกหนึ่งทอด!
สรุปว่า การฝ่าด่าน Territorial rights นั้น คือการทำให้คนขายเชื่อว่า เรากำลังอยู่ในพื้นที่ที่เขามีสิทธิ์จะขายให้ (ผิดศีลข้อ 4 ตลอดกระบวนการ) แต่ก็ตามมาด้วยความยุ่งยากอีกหลายขั้นตอน และอาจมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้จุดเด่นทางด้านราคาของ ebook หายไป

จากผลกระทบของกำแพงที่สร้างโดยคนขายนี้ ทำให้คนจำนวนหนึ่ง ที่อุตส่าห์ลงทุนซื้อเครื่องอ่านราคาแพง โดยหวังว่าต้นทุนของการซื้อหนังสือจะถูกลงในระยะยาว เสนอวิธีที่ง่าย และเร็วกว่า นั่นก็คือ "ลืมการซื้อไปซะ" แล้วไปหาจากแหล่งอื่นเอา (ผิดศีลข้อ 2) ซึ่งอาจจะทำให้เราได้ ebook ที่ต้องการภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที แต่ด้วยวิธีนี้ทางฝั่งคนเขียนหนังสือ และสำนักพิมพ์จะกลายเป็นคนเสียประโยชน์เต็ม ๆ

โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า คนที่สามารถซื้อเครื่อง ereader มาใช้ได้ เต็มใจที่จะซื้อ ebook อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมันเป็นการสนับสนุนให้คนเขียน และสำนักพิมพ์ออกหนังสือดี ๆ ออกมาให้เราได้อ่านอีก แต่นั่นก็ตั้งอยู่บนข้อแม้ที่ว่าระบบการขาย ebook ควรเข้าถึงง่ายกว่านี้

สรุปง่าย ๆ ก็คือ คนซื้อพร้อมแล้ว แต่คนขายยังไม่พร้อม คงต้องดูการต่อไปว่าคนขายจะปรับตัวกับเรื่องนี้ได้ยังไงบ้าง

Monday, May 26, 2008

สิทธิ์ของผู้บริโภค Content

ปรากฏการณ์ของ digital media ทั้งหลาย ทำให้เราสามารถเข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้รวดเร็ว กว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ก็จริง แต่ทำให้ผู้ผลิตสื่อ และเจ้าของสื่ออิเล็คทรอนิกส์เหล่านี้ ต้องเปลี่ยนมุมมองที่ผู้บริโภคสื่อเช่นเดียวกัน

ในสมัยก่อน ถ้าเราอยากอ่านหนังสือสักเล่ม หรืออยากฟังเพลง ก็เพียงแต่ไปที่ร้านขาย แล้วก็ซื้อมา หลังจากที่อ่านหนังสือจบแล้ว เราก็สามารถเอาไปให้เพื่อนอ่านต่อได้ โดยไม่รู้สึกว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เลย เช่นเดียวกับเพลงหรือภาพยนตร์ทั้งหลาย ที่เราสามารถแบ่งปันให้กับคนอื่นได้เช่นเดียวกัน

ในยุคที่สื่อการเก็บข้อมูลชนิดต่าง ๆ มุงหน้าสู่ความเป็น digital ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ทั้งในด้านของการดูแลรักษา ประหยัดเนื้อที่ในการเก็บ ข้อมูลไม่มีการเสื่อมคุณภาพ และที่สำคัญคือสามารถขนถ่าย ทำซ้ำ ได้ง่าย แล้วด้วยความง่ายของการทำซ้ำ และการแจกจ่ายนี่เอง ทำให้ผู้ผลิตสื่อ หรือเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ควรจะได้รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้หายไป

เป็นที่มาของเจ้าของลิขสิทธิ์ที่เริ่มกำหนด Digital Right Management (DRM) เพื่อป้องกัน (หรือทำให้ยาก) ต่อการทำซ้ำ ส่งผลให้เกิดการจำกัดการใช้งานของผู้บริโภคตามมา จนในบางครั้งลุกลามไปถึงความไม่สมเหตุสมผลของการปฏิเสธที่จะให้บริการแก่ผู้บริโภคที่นำผลิตภัณฑ์ไปใช้งานนอกเหนือจากที่กำหนด แม้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเป็นความผิดของผู้ผลิต โดยที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการดัดแปลง ๆ นั้น ๆ เลยก็ตาม ตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือ HP ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ keyboard ของเครื่องคอมพิวเตอร์ laptop ที่เสีย เพราะว่าผู้ใช้เปลี่ยนระบบปฏิบัติการเป็น Linux แม้ว่า keyboard เสียจะเป็นปัญหาทางด้าน hardware ก็ตาม

สำหรับผู้ใช้ Digital music device ต่าง ๆ ถ้าได้มีประสบการณ์ในการซื้อเพลงออนไลน์แบบติด DRM ก็คงประสบปัญหากันบ้าง ทั้งเรื่องของข้อจำกัดในการติดตั้งเพลงลงบนเครื่องเล่น หรือแม้แต่การจำกัดจำนวนครั้งในการ download เพลง (ที่เราจ่ายเงินซื้อไปแล้ว!)

เมื่อไม่นานมานี้ Microsoft ได้ประกาศ web site จำหน่ายเพลงออนไลน์ใหม่ ในชื่อ Zune Marketplace โดยจะเข้ามาทำหน้าที่แทน web site เดิมอย่าง MSN Music โดยที่ประกาศว่า ผู้ใช้จะไม่สามารถสร้าง key ใหม่ เพื่อนำเพลงที่เคยจ่ายเงินซื้อไปแล้วบน MSN Music ไปใช้ต่อได้ เพื่อให้เพลงที่ขายบน Zune Marketplace ทำงานเข้ากันได้กับระบบเครื่องเล่นเพลงรุ่นใหม่เท่านั้น

web site ที่ขาย eBook อย่าง fictionwise.com ซึ่งแม้ว่าจะเสนอราคาขายที่ถูกกว่า (หรือเท่ากันกับ) หนังสือที่เป็นเล่มก็ตาม แต่ด้วยความง่าย และสามารถตัดต้นทุนในด้านของการขนส่งสินค้าออกไป ทำให้ราคาหนังสือโดยรวมแล้ว ถูกกว่าการซื้อหนังสือเป็นเล่ม แต่ด้วยข้อจำกัดของ DRM (หรือที่เขาเรียกว่า Secure ebook format -- secure = สำหรับคนขาย = ความยุ่งยากของผู้บริโภค) เพื่อป้องกันการแจกจ่ายไปที่อื่น ทำให้ผมรู้สึกว่า ที่จริงแล้ว การซื้อ ebook เหล่านี้ก็ไม่ได้มีต้นทุนที่ถูกนัก เพราะเราไม่สามารถแบ่งหนังสือเล่มนี้ไปให้คนอื่นอ่านได้ หรือแม้แต่การขายสิทธิ์ในการอ่านหนังสือเล่มนี้ไปให้คนอื่น (เปรียบได้กับการเอาหนังสือที่อ่านจบแล้วไปให้กับร้านหนังสือเก่า) ก็ไม่สามารถทำได้ นั่นเท่ากับว่า เราจ่ายเงินซื้อสิทธิ์ในการอ่านหนังสือเล่มนั้น สำหรับตัวเราคนเดียวเท่านั้นเอง

ล่าสุดก็มีกรณีที่เครื่อง Digital TV Recorder ที่ทำงานบน Windows Media Center บน Windows Vista ปฏิเสธการบันทึกรายการที่ผู้แพร่ภาพส่งสัญญาณ "ห้ามบันทึก" แนบมาด้วย แม้ว่าจะเป็นสิทธิ์ของผู้ผลิต hardware หรือ software ที่ทำหน้าที่บันทึก สามารถเลือกได้ว่าจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายก็ตาม

ในอนาคต digital media ทั้งหลายก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ตามมาก็คือ การที่เจ้าของเนื้อหาจะจำกัดวิธีการบริโภคสื่อนั้น ๆ ให้อยู่ในเฉพาะรูปแบบที่ตนเองต้องการ ในขณะที่ผู้บริโภคมีช่องทางการเข้าถึงสินค้าเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งที่เจ้าของเนื้อหาทำคือการสร้างกำแพงในการเข้าถึงสื่อเหล่านี้เสียเอง เราคงจะยังเห็นปัญหาที่เกิดจากการใช้ DRM เกิดขึ้นอีกมาก แต่อย่าลืมว่า ในสังคมที่มีผู้บริโภคอยู่เป็นจำนวนมหาศาล เราก็จะมีทางเลือกใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้บริโภคก็จะเป็นผู้ตัดสินความอยู่รอดของผู้ผลิตสินค้า

Tuesday, October 17, 2006

Windows Media Right Manager


เล่นไฟล์ Windows Media ไม่ได้ ?

ผมเล่นไฟล์ Windows Media ของ MCOT.NET บน linux ไม่ได้มา 2-3 วันติด ๆ กัน โดยไม่สามารถ download ผ่าน mimms หรือเล่นผ่าน mplayer ได้ แต่เมื่อเข้า Windows สามารถเล่นได้ตามปกติ โดยที่มีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมา คือ การ "Acquire License"

Acquire License ก็เป็นระบบ Digital Rights Management ของ Microsoft ที่ทำขึ้นเพื่อสร้างข้อจำกัดในการใช้งานไฟล์ media ต่าง ๆ ของ Microsoft ซึ่งการทำงานเริ่มขึ้นเมื่อมีการเปิดไฟล์ media ขึ้นมาแล้วพบว่ามี DRM ก็จะไปยัง server ที่กำหดเอาไว้ในไฟล์ media นั้น ๆ เพื่อ download License File มาทำการถอดรหัสไฟล์ media ซึ่งระหว่างนี้ก็อาจจะเป็นกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่ง license (เสียเงิน กรอกข้อมูล) จึงจะสามารถเล่นได้

แต่ในระบบปฏิบัติการอื่นที่ไม่ใช่ Windows จะไม่มีความสามารถอันนี้ติดมาด้วย ทำให้ไม่สามารถเล่นไฟล์ Windows Media ที่ติด DRM ได้

ความสามารถอันนี้มีทั้ง ข้อดี (สำหรับเจ้าของลิขสิทธิ์) และข้อเสีย (สำหรับผู้ใช้) รวมทั้งการทำงานที่ยึดติดกับ platform ของ Windows เท่านั้น สำหรับเจ้าของลิขสิทธิ์คงต้องคิดดี ๆ ว่ากลุ่มเป้าหมายของตัวเองนั้น จำกัดอยู่เฉพาะผู้ใช้ Windows หรือเปล่า การรับเอาเทคโนโลยีนี้มาทั้งหมด อาจทำให้สูญเสียผู้ใช้ที่อาจจะมาเป็นลูกค้าของคุณก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามสำหรับไฟล์ Windows Media ที่ผมดาวน์โหลดมาจากเวบ mcot.net ถึงแม้จะเปิดจากไฟล์ wma โดยตรงไม่ได้ แต่ก็จะแปลงเป็นฟอร์แมตอื่น ๆ ที่ไม่มีปัญหาเรื่อง DRM แทน เพื่อจะได้นำติดตัวไปฟัง หรือฟังในขณะ offline ได้บ้าง ตอนนี้ผมทดลองแปลงเป็น mp3 upload เอาไว้ที่ http://www.4shared.com/dir/1052475/e0a1ac58/MCOTNET.html

สำหรับ mcot.net: ถ้าจะทำองค์กรของคุณให้สนับสนุน online digital media อยากให้ลองไปดู web site อย่าง Buzz out loud ของ cnet.com หรือ Scientific American Podcast ดูครับ และ กรุณาทำตัวเป็น Mass Communication Organization of Thailand นะครับ ถ้าจะเปลี่ยนชื่อเป็น Microsoft's Communication Organization of Thailand กรุณาประกาศแจ้งให้ทราบด้วยครับ

แหล่งที่มา
Architecture of Windows Media Rights Manager
DRM คำตอบของสื่อออนไลน์ หรือสร้างปัญหาให้กับผู้ซื้อ???