ถ้าหากคนอ่านที่อยู่นอกพื้นที่ แล้วอยากจะซื้อจะต้องฝ่าด่านอะไรบ้าง ลองมาสำรวจวิธีการที่ผู้ขายใช้ในการตรวจสอบกัน
- ที่อยู่ (shipping address / billing address)
เมื่อมีการลงทะเบียนเข้าใช้งานเวบไซต์ หรือตอนที่กำลังจะจ่ายเงิน ผู้ใช้จะต้องมีการบันทึกที่อยู่ที่ใช้สำหรับส่งของ(ไม่ได้ใช้จริง) เอาไว้ แล้วทางคนขายจะตรวจสอบกับ Territorial rights ของหนังสือเล่มนั้น ๆ ว่าขายให้ได้หรือเปล่า
การฝ่าด่านขั้นตอนนี้ไม่ยากเท่าไหร่ เพียงแค่ขอยืมที่อยู่ของใครสักคน หรือถ้าไม่รู้จักใครในอเมริกาเลย ก็ search จาก Google Maps มาใส่ก็แล้วกัน - หมายเลขบัตรเครดิต
เวบไซต์คนขายหลาย ๆ แห่งจะตรวจสอบรหัส 16 หลักของบัตรเครดิตซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าบัตรเครดิตใบนี้ถูกออกในอเมริกาหรือไม่ ก่อนอนุญาตให้ซื้อ นอกจากนี้ระบบจัดการลิขสิทธิ์ (DRM) ของคนขายแต่ละแห่งที่ทำให้เราอ่าน ebook ได้เฉพาะบนเครื่อง หรือโปรแกรมที่ลงทะเบียนเท่านั้น ทำให้เพียงการ"ฝากคนอื่นซื้อให้"ไม่สามารถทำได้
โอกาสที่เราจะได้หมายเลขบัตรเครดิตในอเมริกาคงไม่ง่าย แต่ก็มีวิธีอ้อม ๆ เท่าที่นึกออก
- บริการออกบัตรเดบิตในอเมริกา แล้วให้เราจ่ายเงินจากบัตรเครดิตของเราเข้าไปฝากไว้ก่อน ข้อดีของวิธีนี้ก็คือ เราจะได้ billing address ที่อยู่ในอเมริกามาด้วย ทำให้ตัดปัญหาที่อยู่ในข้อแรกไปได้ (แต่ชั่งใจเรื่องความเสี่ยงกันเอาเอง)
- ใช้ PayPal สะดวก และเชื่อถือได้ แต่ใช้ได้เฉพาะบางร้านเท่านั้น
- ฝากซื้อคูปองหรือ gift card ของเวบไซต์นั้น ๆ ที่อาจได้มาจากการฝากซื้อ (บางแห่งก็ตามไปตรวจสอบวิธีการซื้อคูปองอีก เอาเข้าไป) เท่าที่เห็นเวบไซต์ชุมชนนักอ่านบางแห่ง ใช้วิธีโอนเงินทาง PayPal ไปให้คนในพื้นที่ซื้อ แล้วส่งมาให้ (ขึ้นอยู่กับระดับความไว้ใจ) ข้อดีของวิธีนี้ก็คือ เราจะได้เครดิตในการซื้อหนังสือจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องมีบัตรเครดิตของอเมริกา
- IP address
ด่านนี้จะว่าผ่านยากที่สุดก็ได้ และในตอนนี้เวบไซต์คนขายแทบทุกแห่งมีการตรวจสอบ IP address ว่าเราอยู่ที่ไหน วิธีการฝ่าด่านจึงเป็นการให้ได้มาซึ่ง IP address ของอเมริกา และส่งมันไปปรากฏบนระบบตรวจสอบของเวบคนขาย การซื้อบริการ VPN ทางเป็นออกทางหนึ่ง แต่มันก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอีกหนึ่งทอด!
จากผลกระทบของกำแพงที่สร้างโดยคนขายนี้ ทำให้คนจำนวนหนึ่ง ที่อุตส่าห์ลงทุนซื้อเครื่องอ่านราคาแพง โดยหวังว่าต้นทุนของการซื้อหนังสือจะถูกลงในระยะยาว เสนอวิธีที่ง่าย และเร็วกว่า นั่นก็คือ "ลืมการซื้อไปซะ" แล้วไปหาจากแหล่งอื่นเอา (ผิดศีลข้อ 2) ซึ่งอาจจะทำให้เราได้ ebook ที่ต้องการภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที แต่ด้วยวิธีนี้ทางฝั่งคนเขียนหนังสือ และสำนักพิมพ์จะกลายเป็นคนเสียประโยชน์เต็ม ๆ
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า คนที่สามารถซื้อเครื่อง ereader มาใช้ได้ เต็มใจที่จะซื้อ ebook อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมันเป็นการสนับสนุนให้คนเขียน และสำนักพิมพ์ออกหนังสือดี ๆ ออกมาให้เราได้อ่านอีก แต่นั่นก็ตั้งอยู่บนข้อแม้ที่ว่าระบบการขาย ebook ควรเข้าถึงง่ายกว่านี้
สรุปง่าย ๆ ก็คือ คนซื้อพร้อมแล้ว แต่คนขายยังไม่พร้อม คงต้องดูการต่อไปว่าคนขายจะปรับตัวกับเรื่องนี้ได้ยังไงบ้าง
No comments:
Post a Comment